วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550

โรคปอดบวม

โรคปอดบวม (Pneumonia) หมายถึงโรคที่เกิดจากภาวะปอดเกิดการอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ซึ่งในสภาวะที่ผิดปกติอาจจะเกิดจาก เชื้อรา และ พยาธิ เมื่อเป็นปอดบวม จะมีหนอง และสารน้ำอย่างอื่นในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจน เมื่อร่างกายขาดออกซิเจนอาจทำให้เสียชีวิตได้



สารบัญ
เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งลอยปะปนอยู่ในอากาศและเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องปากและลำคอของคนเรา โดยปกติปอดของคนเราจะสะอาดปราศจากเชื้อโรค การที่ปอดอักเสบก็แสดงว่าอาจหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าไป หรือเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากหรือลำคอหลุดลอดลงไป นอกจากนี้กรณีที่เชื้อแบคทีเรียเข้าไปในกระแสเลือดก็ทำให้เกิดอาการอักเสบได้เช่นกันแต่พบได้น้อย สาเหตุส! ำคัญที่ทำให้เกิดโรคได้แก่
เชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุที่สำคัญได้แก่
เชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วยและสามารถแพร่กระจายออกมาเวลาไอ จาม นอกจากนี้ยังเกิดจากการดมสารเคมี เช่น แอมโมเนีย ไนโตรเจน ไดออกไซด์ หรือการสำลักน้ำลายเศษอาหารและน้ำย่อย เหตุชักนำสำคัญที่ทำให้เกิดปอดบวม ปกติเชื้อโรคอยู่ในคอ เมื่อร่างกายมีภาวะที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็จะเกิดโรค ภาวะต่างๆดังกล่าวได้แก่

Bacteria
Viruses
Mycoplasma
เชื้อรา
สารเคมี
Mycoplasma pneumonae
Pneumocystis carinii
Pneumococcal pneumonia
Staphylococcus
Hemophelus influenza
Klebsiella Pneumonia
Legionnaires'pneumonia
Viral pneumonia
ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อการอักเสบติดเชื้อลดลง เช่นอายุมาก ขาดอาหาร เบาหวาน ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
การอักเสบติดเชื้อไวรัสของระบบการหายใจ
การอุดกั้น และการอักเสบเรื้อรังในหลอดลม
การสำลัก น้ำลาย เศษอาหาร หรือสิ่งติดเชื้อในปอด

สาเหตุ
ผู้ป่วยโรคปอดบวมจะมีไข้สูง หนาวสั่น ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการน้ำมูกไหล จาม คัดจมูกนำมาก่อน ในเด็กจะมีอาการตัวร้อนจัดถ้าเป็นมากจะหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ดังนั้นถ้ามีอาการในลักษณะนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที



ลักษณะอาการ
ติดต่อโดยการได้รับเชื้อจากการไอ หรือจามของผู้ป่วย บางรายอาจได้จากการกินน้ำแก้วเดียวกันหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลังจากได้รับเชื้ออาจจะเกิดอาการใน 1-3 วัน



การติดต่อ
หากมีประวัติไข้สูง หนาวสั่น ไอมีเสมหะสีเหลือง หรือสีเขียว หายใจหอบ และแพทย์สงสัยว่าจะเป็นปอดบวมแพทย์ตรวจร่างกายและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการดังนี้

เจาะเลือดตรวจ CBC พบว่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น
ตรวจเสมหะโดยการย้อมสี และเพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุของปอดบวม
นำเลือดไปเพาะเชื้อหาสาเหตุ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 3-4 วันกว่าจะทราบผล
X-ray ปอด

การวินิจฉัย
แพทย์ผู้รักษาจะตรวจร่างกายซักประวัติและวินิจฉัยจากภาพรังสีทรวงอก เพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นโรคปอดบวมหรือไม่ ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นแน่ๆ จะตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อโรคชนิดใดเพื่อให้ยาที่เหมาะสม ถ้าแพทย์ดูแล้วอาการไม่รุนแรงอาจให้ยากลับไปกินที่บ้าน แต่ถ้าอาการรุนแรงอาจต้องนอนโรงพยาบาล
ในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอาจจะไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ต้องกระตุ้นให้เด็กดื่มน้ำมากๆ วัดไข้วันละ 2 ครั้ง รับประทานยาตามแพทย์สั่งโดยเคร่งคัด ห้ามซื้อยาแก้ไอรับประทานเอง ให้คอยตรวจดูสีริมฝีปาก และเล็บว่ายังคงสีชมพูอยู่หรือไม่ หากมีสีคล้ำควรรีบพบแพทย์ หากเป็นเชื้อแบคทีเรีย หรืออาการเป็นมาก เช่น ไข้สูงมาก หอบมาก ไอมาก แพทย์จะให้นอนโรงพย! าบาล และตรวจเลือดดังกล่าวข้างต้น และให้การรักษา คือ

ให้ oxygen
ให้ยาปฏิชีวนะ
ให้น้ำเกลือ

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
การที่คนคนหนึ่งจะเป็นโรคปอดบวมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องอายุเป็นหลัก โดยในเด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกาย เชื้อโรคที่ลงไปยังปอดมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเชื้อโรคหลุดลอดลงไปยังปอดแต่ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดีก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคนไหนร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัว เป็นโรคเอดส์ โรคเบาหวาน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด พ่อแม่สูบบุหรี่ก็อาจจะทำให้ร่างกายไม่สามารถต้านทานไ! ด้



ผู้ที่เสี่ยง
พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามดื่มน้ำมากๆ เพราะคนที่ไม่ไข้สูงจะเสียเหงื่อมากมักทานอาหารไม่ค่อยได้ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หากขาดน้ำจะทำให้เสมหะข้นเหนียว



การป้องกัน
การตรวจสุขภาพปอดของตนเองนั้น เริ่มจากพิจารณาดูแก้มซ้าย-ขวาบนใบหน้าของเรา เพราะแก้มเป็นหน้าต่างของปอด แก้มแดงแปลว่าเลือดลมดี แก้มซีดขาวแสดงว่าปอดมีปัญหา สังเกตเวลาเป็นหวัดหรือมีอาการผิดปกติของปอดสีแก้มจะหมองซีด
ต่อมาให้สังเกตดูนัยน์ตาข้างขวาให้ดูบริเวณด้านขวาบน บริเวณนี้เชื่อมโยงกับปอดเหมือนดั่งแผงวงจรสวิตซ์ไฟ หากมีจุดหรือสีผิดปกติให้เปรียบเทียบและสังเกตควบคู่ไปกับบริเวณแก้ม คือ หากมีสิวบริเวณแก้มแสดงว่ามีส่วนเกินของไขมันและมีเสลดในหลอดลมมาก อันเนื่องจากอาหารรสมันได้แก่ นม เนย น้ำตาล กะทิ ครีมต่างๆ เพราะร่างกายไม่สามารถกำจัดได้หมด จึงหมักหมมส�! �สัมจนกลายเป็นสิว


ไม่มีความคิดเห็น: